วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

ใบตราส่งสินค้า

ใบตราส่งสินค้า
  • เป็นตราสารที่ผู้รับขนสินค้าออกให้แก่ผู้ส่งสินค้า เพื่อแสดงว่าได้มีการรับสินค้าเพื่อนำส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่ผู้ส่งสินค้ากำหนด ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิด เช่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางทะเลเรียกว่า Ocean Bill of Lading ซึ่งมีลักษณะปลีกย่อยดังนี้ ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Document หรือ Combine Transportation Bill of Lading
  • ใช้ในการขนส่งที่ผู้รับสินค้าไม่ต้องนำต้นฉบับใบตราส่งไปขอรับสินค้า ซึ่งในทางปฏิบัติผู้รับสินค้าสามารถใช้สำเนาใบตราส่งไปขอรับใบสั่งปล่อยจากตัวแทนเรือได้ เรียกว่า Seaway Bill หรือ Express Bill ใบตราส่งประเภทนี้ผู้รับตราส่งจะต้องเป็นผู้นำเข้าโดยตรง และความรับผิดชอบของผู้รับขนส่งมีน้อยกว่าใบตราส่งประเภทอื่น
  • ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเรียกว่า Air Way Bill
  • ใบตราส่งสินค้าทางรถไฟ เรียกว่า Railway Bill ใบตราส่งสินค้าที่สำคัญได้แก่

ใบตราส่งสินค้าทางเรือ (Bill of Lading)
ใบตราส่งสินค้าทางเรือเป็นเอกสารที่มีคุณลักษณะ 3 ประการ คือ
  • เป็นใบรับสินค้าที่ออกให้โดยสายเดินเรือหรือตัวแทนสายเดินเรือ ที่มีรายละเอียดของสินค้าที่จะทำการขนส่ง
  • เป็นสัญญาการขนส่งระหว่างผู้ส่งสินค้ากับผู้รับขนส่งสินค้า ว่าผู้รับขนส่งจะส่งสินค้าไปยังเมืองท่าปลายทางและจะส่งมอบให้แก่ผู้รับที่ผู้ส่งสินค้าได้ระบุไว้
  • เป็นเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในสินค้าที่ขนส่งที่เปลี่ยนมือได้ (Negotiable) ของผู้ทรงสิทธิ์ ซึ่งผู้ทรงสิทธิ์จะใช้ในการขอรับสินค้าที่ท่าเรือปลายทาง หรือจะใช้ในการขายต่อสินค้าให้กับผู้รับซื้อช่วงในระหว่างการขนส่งก็ได้

ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าทางเรือมีดังนี้

  • ใบตราส่งสินค้าทางอากาศ (Air Way Bill)
        ใบตราส่งสินค้าทางอากาศเป็นเพียงใบรับสินค้าและสัญญาการขนส่งเท่านั้น
ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าทางอากาศมีดังนี้


  • ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน
        ใบตราส่งสินค้าที่ใช้กับการขนส่งรวมรูปแบบต่อเนื่องหลายวิธีเข้าไว้ด้วยกัน เรียกว่า Multimodal Transport Bill of Lading ใช้สำหรับการขนส่งที่รวมรูปแบบหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน เช่น ขนส่งโดยรถยนต์ไปต่อเรือเดินสมุทรแล้วไปต่อเครื่องบินอีกทอดหนึ่งเป็นต้น ใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีรายละเอียดเหมือนกันกับใบตราส่งสินค้าทางทะเลเกือบทั้งหมด
ข้อความที่สำคัญในใบตราส่งสินค้าแบบ Multimodal Transport Bill of Lading มีดังนี้


เอกสารเพื่อการส่งออก  ( EXPORT DOCUMENT )
                วัตถุประสงค์ใหญ่ของเอกสารเพื่อการส่งออก เพียงจัดให้มีรายละเอียดที่สมบูรณ์ของสินค้าเพื่อการผ่านขั้นตอนศุลกากรได้ถูกต้องรวดเร็ว นอกจากนั้นเอกสารยังทำหน้าที่ในการขนส่ง การชำระเงินและพิธีการทางเครดิต การประกันภัย และการเรียกร้องค่าเสียหายของสินค้าอีกด้วย
        ในครั้งนี้จะแนะนำถึงเอกสารซึ่งใช้กับการขนส่งทางทะเล ที่ผู้ส่งออกควรทราบตามลำดับดังนี้ 
1.        BILL OF EXCHANGE (ตั๋วและเงินหรือดราฟท์)   เป็นตราสารที่ผู้รับประโยชน์ (ผู้ส่งออก) เป็นผู้ส่งขายตั๋วแลกเงินคือตราสารที่เปลี่ยนมือได้ชนิดหนึ่ง มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรโดยปราศจากเงื่อนไข ออกโดยบุคคลหนึ่งเรียกว่าผู้สั่งจ่าย (DRAWEE) จ่ายเงินให้บุคคลที่สามเมื่อครบกำหนดเวลาเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน หรือจ่ายตามคำสั่งของบุคคลที่สามนั้น
2.        EXPORT LICENCE (ใบอนุญาตส่งออก)  ตามปกติแล้วสินค้าที่ต้องขอใบอนุญาตส่งออกมักจะเป็นสินค้าจำพวกวัตถุดิบเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่มีการขาดแคลน สินค้าที่ใช้ทางการทหาร หรือในบางครั้งการกำหนดให้มีการขอใบอนุญาตส่งออกถ้าเป็นผลมาจากนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเช่นการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นต้น
3.        CERTIFICATE  OF ORIGIN (C/O) (ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า)  วัตถุประสงค์หลักของเอกสารนี้คือ การเรียกร้องสิทธิพิเศษทางภาษีสินค้าในประเทศที่นำเข้าหมายถึงการส่งออกสินค้าจากประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งประเทศไทย ไปยังประเทศที่ให้สิทธิพิเศษทางศุลกากรหรือเรียกว่า จี.เอส.พี  (GSP) นั้น
เอกสารนี้ จะเป็นเครื่องแสดงถึงแหล่งกำเนิดสินค้าของประเทศผู้ส่งออกเพื่อให้ประเทศนำเข้ายอมรับและให้สิทธิพิเศษดังกล่าว
นอกจากนี้ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้านี้จะใช้สำหรับการพิสูจน์ด้วยว่าสินค้านั้นไม่ขัดต่อกฎเกณฑ์การนำเข้าของประเทศนั้น ๆ ด้วย
ฉะนั้นการออกใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า หรือ c/o จะสามารถกระทำได้ 2 ลักษณะคือ
3.1              การรับรองเพื่อใช้สิทธิพิเศษทางศุลกากร จะต้องรับรองโดยส่วนราชการผู้รับผิดชอบในเอกสารนี้ คือ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์
3.2              การรับรองเพื่อการค้าขายทั่วไปหรือเมื่อลูกค้าต้องการ สามารถออกใบรับรองได้โดยสภาหอการค้าเพื่อรับรองต้นกำเนิดของสินค้านั้น
4.        CERTIFICATE OF VALUE (ใบรับรองมูลค่าสินค้า)
บางครั้งมูลค่าสินค้าที่แสดงในใบกำกับสินค้า (INVOICE) อาจต้องได้รับการยืนยันโดยใบรับรองมูลค่าสินค้า  ซึ่งต้องมีลายเซ็นของผู้ส่งออกกำกับอยู่ด้วย โดยระบุความจริงทางราคาอย่างชัดเจน หรือไม่ทำให้เข้าใจเป็นอย่างอื่น ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายได้เลยในเรื่องราคาซื้อซึ่งการระบุเช่นนี้จะปรากฎใน Consular Invoice เช่นเดียวกัน
5.        CERTIFICATE OF WEIGHT (ใบรับรองน้ำหนักของสินค้า)  เป็นเอกสารแสดงน้ำหนักของสินค้าทั้งจำนวน อาจจะออกโดยบริษัทหรือ สำนักงานตรวจสอบมาตรฐานสินค้าหรือส่วนราชการ ใบรับรองนี้อาจระบุโดยผู้ส่งออกได้  เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะระบุเป็นอย่างอื่นใบรับรองแสดงน้ำหนักของสินค้า  ต้องรับรองน้ำหนักของสินค้าตามที่ระบุในใบกำกับสินค้าและจะต้องไม่ขัดกับเอกสารอื่น ๆ  ตามที่เลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้
6.        CERTIFICATE  OF  INSPECTION  ( ใบรับรองการตรวจสอบ )  ผู้ซื้อบางรายต้องการใบรับรองการตรวจสอบ  เพื่อแน่ใจว่าสินค้าที่สั่งซื้อนั้นเป็นไปตามมาตราฐานผู้ส่งออกต้องจัดการเรื่องเหล่นี้ให้ลูกค้าของตนเอง
7.  CERTIFICATE  OF  HEALTH   (หนังสือรับรองคุณภาพและอนามัย)   การส่งออกสินค้าประเภทอาหารและผลิตผลทางการเกษตร  ประเทศผู้ซื้อสินค้าส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดที่เข้มงวดเกี่ยวกับสิ่งปนเปื้อนทั้งทางเคมีและทางจุลชีวะตลอดจนซากสัตว์สิ่งสกปรกและสารพิษต่าง ๆ ทั้งนี้จะมีการตรวจวิเคราะห์อยู่เป็นประจำ  สินค้าซึ่งมีการปริมาณสิ่งเจือปนดังกล่าวสูงกว่ากำหนดอาจถูกกันหรือห้ามเข้า  ดังนั้น  การส่งออกสินค้าอาหารและผลิตภัณฑ์ทางเกษตรจึงต้องมีหนังสือคุณภาพและอนามัยแสดงให้ทราบถึงความปลอดภัยในการบริโภคไปด้วย  จึงจะอนุญาตให้นำเข้า
                การส่งออกสินค้าของไทยที่ต้องมีใบรับรองคุณภาพ  จึงมีหน่วยงานของรัฐที่ให้บริการตรวจสอบคุณภาพหลายหน่วยงานด้วยกัน  อาทิ-
                กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข  เป็นหน่วยงานที่การตรวจสอบคุณภาพและออกหนังสือรับรองให้แก่ผู้ส่งออกมานานและเป็นที่รู้จักทั่วไป  การขอรับรองหนังสือรับรองประเภทต่าง ๆ  ต้องยื่นคำร้องแจ้งความจำนงขอรับหนังสือรับรองคุณภาพอาหารเพื่อส่งไปยังประเทศผู้ซื้อใดพร้อมส่งตัวอย่างสินค้าที่ผลิตเพื่อวิเคราะห์ด้วย  เจ้าหน้าที่จะพิจารณาตามมาตราฐานของประเทศที่ส่งไปก่อนที่จะออกหนังสือรับรองให้เช่นตัวอย่างต่อไปนี้
                ใบรับรองคุณภาพมาตราอาหาร    :  Analysis   and Health  Certificate
                ใบรับรองปริมาณสารปรอท         :  Mercury   Certificate
ใบรับรองอาหารสดแช่แข็งส่งไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health  Certificate  Model  I
ใบรับรองอาหารกระป๋องส่งออกไปยังประเทศฝรั่งเศส : Health  Certificate  Mode II
ใบรับรองคุณภาพอาหารแห้ง และ อื่น ๆ   : Health  Certificate  Mode  II
กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งของทางราชการที่สามารถให้การรับรองคุณภาพอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร  มีวัตถุประสงค์ให้บริการวิเคราะห์ตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพอาหารและผลิตเกษตร , เพื่อการส่งออกให้ได้มาตราฐานและคุณภาพตรงตามมาตราฐานของนานาประเทศ  และเพื่อลดปัญหาการเกษตรของไทยอีกด้วย  ผู้ผลิต  หรือ ผู้ส่งออก  สินค้าในกลุ่มอาหารและผลิตภัณฑ์ควรศึกษาข้อมูลได้ที่  กองเกษตรเคมี กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ตัวอย่างเอกสาร หนังสือรับรองคุณภาพอาหารที่ออกให้หน่วยงานที่กล่าวมานี้
ใบรับรองการตรวจสอบอาหารปนเปื้อน       : SANITARY  CERTIFICATE
ใบรับรองผลการวิเคราะห์ทางเคมี            : MYCOTOXIN CERTIFICATE
ใบรับรองการวิเคราะห์ปริมาณสารพิษ       : ANALYSIS  CERTIFICATE
ใบรับรองการตรวจปริมาณโลหะหนักฯ      : HEAVY  CERTIFICATE

ในปัจจุบันประเทศไทยมีหน่วยงานที่เกี่ยวกับการออกใบรับรองคุณภาพของสินค้าอยู่หลายหน่วยงานด้วยกัน  ควรจะพิจารณาความเหมาะสมล่วงหน้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด  สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีดังนี้
1.        กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์  กระทรวงสาธารณสุข
2.        กองเกษตรเคมี   กรมวิชาการเกษตร  กระทรวงการเกษตรและสหกรณ์
3.        กรมวิทยาศาสตร์การบริการ  กระทรวงอุตสาหกรรม
4.        มหาวิทยาลัยมหิดล
5.        คณะวิทยาศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
6.        สถาบันค้นคว้าและวิจัยผลิตภัณฑ์อาหาร  ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
7.        สภาวิจัยฯ
8.        OCEAN  BILL  OF  LADING  ( B/L ) ( ใบตราส่งสินค้าทางทะเล )
เป็นเอกสารสำคัญที่สุด  เมื่อมีการส่งสินค้าทางทะเล   Bill  of Lading   เป็นใบรับรอง  มอบสินค้าของบริษัทเรือที่ทำการส่งออก  (ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดต่อไป )
ใบตราส่งสินค้าทางทะเล  เป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้า  และเป็นหลักฐานสัญญาของบริษัทเรือที่จะขนส่งสินค้าทางเรือ  ของประเทศส่งออกไปยังท่าเรือปลายทาง  ใบตราส่งสินค้ามีหลายชนิดดังนี้  คือ
CLEAN  B/L  คือใบตราส่งสินค้าที่บริษัทเรือไม่ได้บันทึกแจ้งข้อบกพร่องของสินสินค้า /  หรือ การบรรจุหีบห่อ
NON-NEGOTIABLE  OR STRAIGHT  B/Lเป็นใบตราส่งสินค้าที่ยินยอมให้มีการส่งมอบให้แก้ผู้รับสินค้า ( CONSIGNER )ที่ระบุไว้เท่านั้น  จะโอนให้ผู้อื่นมารับไม่ได้ORDER  B/Lใบตราส่งสินค้าที่ออก  โดยมีการส่งมอบสินค้าตามคำสั่ง  ( ORDER ) ปกติตามคำสั่งของผู้ส่งสินค้าหรืออาจเป็นลอย  ๆ ซึ่งต้องมีการสลักหลังโดยผู้ส่งสินค้าเพื่อเป็นการโอนสิทธิ์ในสินค้าให้กับผู้ทรง  ( HOLDER )   หรือผู้ที่ได้รับการโอนสิทธิ์ให้  โดยเจาะจงการสลักหลังใบตราส่งสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น
  ORDER  “ NOTIFY” B/L
   เหมือนกับใบตราส่งสินค้าชนิด   “ ORDER”    เพียงแต่เพิ่มข้อความในใบตราส่งสินค้า  ว่าเมื่อสินค้าถึงเมืองท่าปลายทางแล้ว  ตัวแทนบริษัทเรือที่มีเมืองท่าปลายทาง  จะแจ้งให้กับผู้รับ
สินค้าทราบการแจ้งนี้ไม่ถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ ในสินค้านั้นให้กับผู้รับแจ้ง  เพียงเป็นเรื่องแจ้งให้ทราบว่าสินค้ามาถึงแล้วเท่านั้น
                เป็นตราสารแสดงสิทธิ์ของผู้ทรงและเปลี่ยนมือได้  (NEGOTIABLE INSTRUMANT) คือเป็นเอกสารแสดงสิทธิในสินค้าและโอนสิทธิต่อ ๆ กันได้ BILL OF LADING  นี้ยังแบ่งออกเป็น
          “ THROUGH” BILL OF LANDING เป็นใบตราส่งออกในกรณีที่การขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล ซึ่งระบุการขนส่งไว้ตลอดทาง ปกติผู้รับขนส่งคนแรกจะเป็นผู้ออกใบตราส่งชนิดนี้
           “RECEIVED FOR SHIPMENT” BILL OF LANDING   เป็นใบตราส่งสินค้าชนิดที่มีลักษณะเป็นเพียงสัญญาแสดงว่าได้รับการสินค้าไว้เพื่อจะทำการขนส่ง   แต่ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสินค้าได้ขึ้นเรือลำที่ระบุไว้เป็นการเรียบร้อยแล้ว
            “SHIPPED  ON  BOARD ”  BILL  OF  LADING    เป็นใบตราส่งซึ่งแสนดงว่าสินค้าได้ขึ้นเรือระวางเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
           “CHARTER  PARTY ”  BILL OF  LADING   เป็นใบตราส่งที่ผู้รับขนได้เช่าเรือของผู้อื่นมารับทำการขนส่งสินค้าซึ่งระบุเงื่อนไขให้สัญญาขนส่งติดแยกจากใบตราส่งชนิดอื่น
9.  THE  COMMERCIAL  INVOICE  ( ใบกำกับสินค้าหรือบัญชีราคาสินค้า )
        มีสาระสำคัญในใบกำกับสินค้า   ควรตรวจสอบให้ถูกต้อง  มีที่น่าสนใจอีกคือ
        -      สินค้าในใบกำกับสินค้า   จะต้องไม่แสดงว่าเป็น  สินค้าที่ใช้แล้ว   ( USED ) “ สินค้าที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่     ( REBUILT ) หรือ  สินค้าที่เปลี่ยนมือ   ( SECONDHAND)เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตไว้โดยเฉพาะ
-          ใบกำกับสินค้าจะต้องมีการประทับตรารับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยสถานฑูต หรือ กงสุลที่เกี่ยวกับ  ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตระบุไว้
-          เครื่องหมายและตัวเลขบนหีบห่อ  ( SHIPPED MARKS & NUMBERS )   ในใบกำกับสินค้าจะเหมือนกับใบตราส่ง  ( BILL  OF LADING )  และ / หรือ เหมือนกับเอกสารการส่งสินค้าอื่น ๆ และ / หรือ เหมือนกับเครื่องหมายหีบห่อ และตัวเลขที่กำหนดไว้ในเลตเตอร์ออฟเครดิต
-           ใบกำกับสินค้า จะต้องไม่รวมค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น    เช่น ค่านายหน้า  (COMMISSION )
ค่าเก็บรักษาสินค่า   ( STORE  CHARGES )  ค่าโทรเลข  (CABLE CHARGES )  ค่าธรรมเนียม  ในการส่งสินค้าล่าช้ากว่าที่กำหนด    ( DEMURRAGE  )   เป็นต้น  เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่จะกำหนด
         -     ถ้ายังไม่มีการยื่นใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว   ( PROVISIONAL   INVOICE )  ธนาคารจะไม่รับใบกำกับสินค้าชนิดชั่วคราว  ยกเว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตที่กำหนดไว้
         -      ถ้าเลตเตอร์ออฟเครดิตอนุญาตให้มีการส่งสินค้าเป็นบางส่วน    (  PARTIAL  SHIPMENTS )   มูลค่าของสินค้าในกำกับสินค้าจะต้องได้สัดส่วนกับจำนวนสินค้าที่แบ่งส่งนั้น
         10. CUSTOMS  INVOICE  ( ใบกำกับสินค้าของศุลกากร ) ในทางประเทศจะกำหนดให้ใช้ใน    CUSTOMS  INVOICE   โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ และ ประเทศในอัฟริกาบางประเทศ
                ลักษณะของใบ   CUSTOMER  INVOICE  คือ ใบกำกับสินค้า  ( OFFCIAL INVOICE )   ที่จะต้องเตรียมเป็นฟอร์มพิเศษ  ออกโดยผู้มีอำนาจทางศุลกากรระบุราคาสินค้าทางศุลกากรเพื่อสะดวกในการคำนวณภาษีปกติรายการสินค้า  แต่ละชนิดจะแยกราคาสินค้าระหว่างเรือและค่าเบี้ยประกันออกจากกัน
ตัวอย่างประเทศที่ใช้ในใบกำกับสินค้าของศุลกากร  หรือ   CUSTOMER INVOICE   นี้ ได้แก่แคนาดา,ฟิจิ, ชามัว, แซนเนีย , กานา ไนจีเรีย  และ อิสราเอล
                สำหรับ   CANADA  CUSTOMER  INVOICE  นั้นกรมศุลกากรแคนาดาได้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดและแบบฟอร์มแบบใหม่โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่  1  มกราคม  2528  เป็นต้นมา  กรมศุลกากรแคนาดาไดแจ้งรายละเอียดในการกรอกแบบฟอร์มใหม่นี้สรุปสาระสำคัญดังนี้
1.   การส่งสินค้าไปยังแคนนาดา  เพื่อการค้าทั้งหมดหากมีมูลค่าเท่ากัน หรือสูงกว่า  800  เหรียญแคนาดา ( เดิมกำหนด 500  เหรียญแคนนาดา ) แล้วจะต้องส่งเอกสาร  CANADA  CUSTOMER  INVOICE   ซึ่งระบุรายละเอียดตามแบบที่กรมศุลกากรกำหนดไว้
2.  CUSTOMER INVOICE   ของแคนนาดาอาจจัดเตรียมได้ทั้งผู้ส่งออก  หรือผู้นำเข้า  หรือตัวแทนจำหน่าย
3.รายละเอียดในใบ  CUSTOMER INVOICE   จะต้องระบุชื่อผุ้ซื้อและผู้ขายสินค้าแยกรายละเอียดของราคาสินค้าออกจากค่าขนส่งค่าบรรจุหีบห่อ เพื่อส่งออกให้ชัดเจน
โดยปกติการใช้  CANADA  CUSTOMER  INVOICE 
11.  CONSULAR INVOICE    (ใบกำกับสินค้าของกงสุล )
        กฎเกณฑ์การนำเข้าของบางประเทศ  กำหนดไว้จะต้องมีใบกำกับสินค้า ซึ่งรับรองโดยสถานฑูตของคนที่ตั้งอยู่ในประเทศของผู้ขาย  เพื่อรับรองราคา
         ดังนั้น  จึงขอให้สถานทูตกงสุลเป็นผู้ออกใบกำกับราคา  ซึ่งต้องเสียค่าธรรมเนียม ให้สถานกงสุลตามระเบียบนั้น
                        สาระสำคัญที่ควรเป็นข้อสังเกตในแบบฟอร์มนี้  ได้แก่
                        1.  แบบฟอร์มใบกำกับราคาสินค้าสที่ออกดดยสถานกงสุลต้องได้รับการประทับตราทางราชการ   และลงนาม โดยสถานกงสุลของประเทศที่นำเข้า   เว้นแต่เลตเตอร์ออฟเครดิตจะอนุญาตให้ใบกำกับราคาสินค้านั้น ๆ  ออกโดยสถานกงสุลของประเทศพันธมิตรอื่น ๆ
                     2. จะต้องกรอกข้อความที่ต้องการลงในช่องว่างที่กำหนดให้สมบูรณ์  ในบางประเทศ จะคิดค่าปรับสำหรับการละเว้นการเติมข้อความในแบบฟอร์มนั้นด้วย
                     3.  ต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความใน   CONSULAR  FORMS   ถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงจะต้องมีหนังสือของสถานกงสุลนั้นกำกับ  หากไม่มีหนังสือกำกับ บางประเทศอาจคิดว่าปรับได้

ตัวอย่างประเทศที่ใช้ใบกำกับสินค้าของกงสุล
เช่น  ประเทศโบลิเวีย  ซึ่งจะเรียกว่า   OFFICIAL  COMERCIAL   INVOICE นอกจากนี้มี 4ประเทศที่ใช้และต้องแปลเป็นภาษาสเปน  ได้แก่  สาธารณรัฐโดมินิกัน  ฮอนดูรัส , ปารากวัย และ ปานามา ( ซึ่งใช้ทั้งภาษาอังกฤษและสเปน  )  โดยปกติจะใช้สำเนา  3-5  ฉบับ
                     12.   F.T. 1  ( Foreign  Transaction )    แบบธุรกิจต่างประเทศ  ..   1
                       .. 1    คือแบบพิมพ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย ตาม  พรบ. ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน   ..  2485   เป็นรายงานการส่งออก  ๖ใช้สำหรับการส่งออกที่มีมูลค่าครั้งละเกินกว่า   500,000 บาท )
ซึ่งผู้ส่งออกเป็นผู้ยื่นประกอบใบขนสินค้าขาออกโดยจัดทำ  2  ฉบับ  คือ 1.) ต้นฉบับ  2.) สำเนา  แบบพิมพ์  .. 1  นี้ขอรับได้จากกรมศุลกากร และไม่ต้องมีการรับรองจากธนาคารพาณิชย์
                        13.  CERTIFICATE OF FUMIGATION (ใบรับรองการรมยา)
สำหรับสินค้าทุกชนิดที่เป็นผลิตภัณฑ์จากพืช เพื่อเป็นการทายศัตรูพืชทุกชนิดนอกจากนั้น เป็นการทำลายเชื้อราต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างการขนส่งสินค้า ดังนั้นกรรมวิธีการรมควันจึงเป็นการป้องกันที่ต้นเหตุได้อย่างดี
14.     CUSTOMS ENTRY FORM (ใบขนสินค้าที่ใช้ทางศุลกากรของแต่ละประเทศ)
ซึ่งจะมีใช้ทั้งการนำสินค้าเข้าและการส่งสินค้าออก โดยแต่ละประเทศจะกำหนดขึ้นใช้ตามความหมาะสม เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบพิธีการ ชำระภาษีอากร และการตรวจปล่อยสินค้า จากการอารักขาของศุลกากร ปัจจุบันใบขนส่งสินค้าของกรมศุลกากรของไทยได้ใช้แบบอย่างตามเอกสารกระทัดรัดและสะดวกต่อการเก็บรักษาอีกด้วย
15.     PHYTOSANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการปลอดโรคและศัตรูของพืชทุกชนิด)
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคพืชต่าง ๆ เอกสารชนิดนี้ออกโดยหน่วยงานของรัฐซึ่งได้รับการรับรองจากนานชาติ สำหรับกรรมวิธีการปฏิบัตินั้นอาจใช้บริการ ศึกษาได้จากหัวข้อ  การส่งออก สินค้าเกษตร
16.     CERTIFICATE OF ANALYSIS (ใบวิเคราะห์สินค้า)
เป็นเอกสารแสดงการตรวจสอบสินค้าทางวิทยาศาสตร์ ให้ทราบถึงส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสินค้าและให้การรับรองเป็นเอกสาร ถ้าเป็นอาหารที่บริโภคได้ก็จะวิเคราะห์ออกมาว่าไม่มีสิ่งเจือปนที่เป็นพิษตามหลักเกณฑ์สากล หรือมาตรฐานที่แต่ละประเทศกำหนด ถ้าเป็นเคมีภัณฑ์ก็แยกออกมาให้ทราบถึงส่วนผสมที่มีอยู่ เพื่อสะดวกแก่การนำสินค้าดังกล่าวเข้าประเทศ
17.     CERTIFICATE OF VACINATION (ใบรับรองการฉีดวัคซีน)
ซึ่งใช้กับสิ่งมีชีวิตที่เป็นสินค้าทุกชนิด เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นอาจเป็นพาหะนำโรคไปเผยแพร่ทุกประเทศจึงมีการเข้มงวดกวดขันป้องกัน การจะนำพาหรือส่งออกเป็นสินค้าจำเป็นต้องมีหนังสือรับรองการปลอดโรค  ผู้ซื้อจึงจะสามารถนำเข้าประเทศได้
18.     INSURANCE CERTIFICATE (ใบรับรองการประกันภัย)
การประกันภัยเป็นส่วนสำคัญของการค้าระหว่างประเทศ คือสินค้าได้รับการคุ้มครองความเสียหายจากภัยที่เกิดขึ้นจากการขนส่งสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง หลักฐานเอกสารที่สำคัญก็คือ สัญญาประกันภัย ที่เรียกว่า กรมธรรม์ เป็นสัญญาที่ผู้รับประกันตกลงยินยอมประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยต่าง ๆ ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โดยผู้เอาประกันจะจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ผู้รับประกันตามอัตราที่ตกลงกัน สำหรับสัญญาประกันภัย หรือกรมธรรม์ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

1.      กรมธรรม์ที่กำหนดมูลค่าของสินค้าในการขนส่งแต่ละเที่ยว ตามมูลค่าสินค้าที่ตกลงซื้อขาย และคิดเพิ่มอีก 10% นั่นเอง สำหรับหลักฐานทางเอกสารที่ออกให้ก็คือ  กรมธรรม์ประกันภัย  (INSURANCE POLICY)
2.        กรมธรรม์เปิด OPEN POLICY OR OPEN COVER หรือจัดให้มีกรมธรรม์ลอยที่เรียกว่า FLOATING INSURANCE หมายถึงการซื้อขายสินค้ารายใหญ่ที่ต้องมีการส่งมอบกันหลายเที่ยว ย่อมไม่สะดวกในการแจ้งบริษัทประกันภัยทุกครั้งที่ส่งไปจึงนิยมใช้แบบกรมธรรม์เปิดหรือกรมธรรม์ลอย และยังเป็นการประหยัดค่าธรรมเนียมพร้อมอากรแสตมป์อีกด้วย ที่สำคัญก็คือ ได้รับความคุ้มครองโดยอัตโนมัติสำหรับสินค้าที่ส่งไปทุกเที่ยวจนกว่าจะหมดตามสัญญา ดังนั้น สินค้าที่ส่งไปแต่ละเที่ยวบริษัทผู้รับประกันจึงออก  หนังสือรับรองประกันภัย INSURANCE CERTIFICATE  แทนกรมธรรม์ให้เท่านั้น
ใบรับรองการประกันภัย (INSURANCE CERTIFICATE) เป็นเอกสารที่สำคัญในการนำเข้าตามกฎเกณฑ์ของบางประเทศที่ต้องแนบไปด้วย ในเงื่อนไขการซื้อขายของราคา ซี.ไอ.เอฟ. (CIF) เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และบางประเทศในยุโรป เป็นต้น
19.     PACKING LIST (ใบรายการบรรจุหีบห่อ)  เป็นเอกสารที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งแสดงให้ทราบถึงการบรรจุสินค้าลงไปในบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในการขนส่งระหว่างประเทศ เพื่อสะดวกในการตรวจสอบสินค้าทั้งต้นทางและปลายทางสำหรับสินค้าปกติเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะใช้วิธีการสุ่มตรวจตามอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยจะไม่ทำการตรวจสินค้าทั้งหมดด้วยการเปิดหีบห่อ ซึ่งอาจทำให้บรรจุภัณฑ์และสินค้าเกิดการเสียหายหรือสูญหายได้ ดังนั้น ใบรายการบรรจุหีบห่อควรรายละเอียดให้เพียงพอ
20.     SANITARY CERTIFICATE (ใบรับรองการตรวจสอบอาหารที่เป็นของสดหรือแช่แข็ง)
ใบรับรองประเภทนี้จะออกให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อรับรองว่าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสัตว์ที่ส่งออกไปปลอดโรคและสิ่งปนเปื้อนที่จะเป็นอัตรายต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดตามมาตรฐานหรือข้อกำหนดที่ประเทศผู้ซื้อกำหนดด้วย สำหรับหน่วยงานที่มีอำนาจออกหนังสือรับรองประเภทนี้เป็นไปตามส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าประเภทสัตว์น้ำจะออกใบรับรองโดย กรมประมง เป็นต้น
ข้อสรุปในการจัดทำเอกสาร-เพื่อการส่งออกควรจัดทำไว้เป็น  2   ชุด
ชุดที่  1.   ใช้ในการผ่านพิธีการศุลกากรภายในประเทศ   สำหรับสินค้าส่งออก  ตามระเบียบของกรมศุลกากรทุกประเภท
                ชุดที่ 2.  เป็นชุดที่ต้องจัดส่งไปให้ผู้รับสินค้าปลายทาง  หรือผู้ซื้อนั่นเอง  ควรทำและจัดหาให้ครบตามที่ผู้ซื้อต้องการ  หรือ ถ้าเป็นการขายสินค้าโดยมี  แอล.ซี.  ต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนตามที่   L/C  ได้กำหนดไว้   ซึ่งต้องลงรายละเอียดและหาข้อมูลตามเงื่อนไขโดยถูกต้องด้วย

มีส่วนเกี่ยวข้อง Incoterms ดังนี้ 
FAS -- ฟรีพร้อมกับเรือ (ชื่อท่าเรือของการขนส่ง)
    ผู้ขายจะต้องวางสินค้าที่อยู่ด้านข้างเรือที่ท่าเรือของ ผู้ขายจะต้องเคลียร์สินค้าสำหรับการส่งออก เพียงเหมาะสำหรับการขนส่งทางทะเล แต่ไม่สำหรับการขนส่งทางทะเลเนื่องในภาชนะบรรจุที่ (ดู Incoterms 2010, ICC สิ่งพิมพ์ 715) ระยะนี้มักจะใช้สำหรับการขนส่งสินค้าหนักยกหรือเป็นกลุ่ม
FOB -- ฟรีบนกระดาน (ชื่อท่าเรือของการขนส่ง)
     ผู้ขายจะต้องโหลดตัวสินค้าบนเรือแต่งตั้งโดยผู้ซื้อที่ ต้นทุนและความเสี่ยงจะถูกแบ่งออกเมื่อสินค้าถูกจริงในคณะกรรมการของเรือ (กฎนี้เป็นของใหม่!) ผู้ขายจะต้องเคลียร์สินค้าสำหรับการส่งออก คำที่ใช้สำหรับการขนส่งทางทะเลและทางบกเพียง แต่ไม่สำหรับการขนส่งทางทะเลเนื่องในภาชนะบรรจุที่ (ดู Incoterms 2010, ICC สิ่งพิมพ์ 715) ผู้ซื้อจะต้องสั่งให้ผู้ขายรายละเอียดของเรือและพอร์ตที่สินค้าที่มีเพื่อ ให้โหลดและมีการอ้างอิงไม่มีการหรือข้อกำหนดสำหรับการใช้งานของผู้ให้บริการ หรือ forwarder ระยะนี้ได้รับในทางที่ผิดอย่างมากในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมานับตั้งแต่ Incoterms 1980 FCA อธิบายว่าควรจะใช้สำหรับการจัดส่งตู้คอนเทนเนอร์
CFR -- ค่าใช้จ่ายและการขนส่ง (ระบุชื่อของจุดหมาย)
      ผู้ขายจะต้องชำระค่าใช้จ่ายและการขนส่งสินค้าที่จะนำสินค้าไปยังท่าเรือของจุดหมายปลายทาง แต่ความเสี่ยงจะถูกโอนไปยังผู้ซื้อเมื่อสินค้าถูกบรรจุลงในเรือ (กฎนี้เป็นของใหม่!) การขนส่งทางทะเลและการประกันภัยสำหรับสินค้าที่ไม่รวม คำนี้เดิมเรียกว่า CNF (C & F)
CIF -- ประกันค่าใช้จ่ายและการขนส่ง (ระบุชื่อของจุดหมาย)
     ตรงเช่นเดียวกับ CFR ยกเว้นในกรณีที่ผู้ขายในการจัดหาและนอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าประกัน การขนส่งทางทะเลเท่านั้น
ข     
  ข้อมูลจาก 
http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/
www.depthai.go.th/regulations/document/intro/การขนส่งทางทะเล.doc

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น